พาส่องเทคโนโลยีใหม่ๆในเพาเวอร์แอมป์

ตามให้ทันเทคโนโลยีใหม่ๆในชุดเครื่องเสียงยอดฮิต เพาเวอร์แอมป์!

ในงานสันทนาการต่างๆ ระบบเสียงถือว่าเป็นองค์ประกอบที่สำคัญอย่างมากในงานเหล่านี้ งานมัลติมีเดียนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้หลากหลาย และระบบเสียงในปัจจุบันก็พัฒนาไปมากกว่าเมื่อยุคก่อนๆ
วันนี้ Audio2home จะพาเพื่อนๆ ไปสำรวจเทรนด์ใหม่ๆในชุดเครื่องเสียงยอดฮิต “เพาเวอร์แอมป์” ประกอบด้วยอะไรบ้างและอัพเดทว่ามีเทคโนโลยีอะไรใหม่ๆในเพาเวอร์แอมป์

อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า เสียงเป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับงานมัลติมีเดียต่างๆ การเลือกซื้ออุปกรณ์ ชุดเครื่องเสียง อุปกรณ์สำหรับเชื่อมต่อระบบเสียงจำเป็นต้องมีความรู้ก่อนการเลือกซื้อ เพื่อให้ได้ระบบเสียงตามที่ต้องการ การทำความเข้าใจและศึกษาเรื่ององค์ประกอบของระบบเสียงจึงมีความจำเป็น ในบทความนี้ Audio2home จะอธิบายถึงความสำคัญของชุดเครื่องเสียงว่าอุปกรณ์แต่ละชิ้นมีความสำคัญอย่างไรบ้าง

ชุดเครื่องเสียงพื้นฐานประกอบด้วยอุปกรณ์ดังต่อไปนี้

ไมโครโฟน
ไมโครโฟน และไมโครโฟนไร้สาย มีไว้เพื่อรับสัญญาณเสียงจากผู้พูด หรือจากแหล่งกำเนิดเสียงต่าง ๆ เช่น เครื่องดนตรี เสียงจากการสั่นของวัตถุ เสียงสัตว์ เสียงแวดล้อมต่าง ๆ เพื่อการนำเสียงที่เข้าสู่ไมโครโฟนไปบันทึกเสียง หรือเพื่อการใช้พูดแสดงสดและนำเสียงที่เข้าสู่ไมค์ ไปเข้าภาคขยายเสียงเพื่อเพิ่มความดังของเสียงผู้พูด เสียงดนตรี หรือเสียงที่ได้รับไปสู่กระบวนการต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการบันทึกเสียงหรือการกระจายออกจากระบบเสียง เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ข่าวสารต่าง ๆ และยังถูกนำไปใช้ในธุรกิจบันเทิงต่าง ๆ เช่น คอนเสิร์ต คาราโอเกะ หรืออีเว้นท์ต่างๆ

มิกเซอร์
มิกเซอร์ เป็นอุปกรณ์ที่ไว้สำหรับผสมสัญญาณเสียงจากหลาย ๆ ไมค์ และจาก input ต่าง ๆ เข้ามา เช่น จากเครื่องเล่นแผ่นเสียง CD DVD Computer และอื่น ๆ แล้วค่อยส่งสัญญาณออกจากมิกเซอร์ไปสู่ระบบขยาย มิกเซอร์ยังมีหน้าที่ในการปรับแต่งเสียง ปรับความแรงของสัญญาณขาเข้า แต่งโทนเสียง EQ บาลานซ์เสียง ปัจจุบันมิกเซอร์ถ้าเป็นงานใหญ่ ๆ ที่ต้องใช้ input ค่อนข้างมาก หรือต้องการความสะดวก และมีฟังก์ชันให้ใช้หลายอย่าง ก็จะใช้มิกเซอร์ระบบดิจิตอล เช่น ในงานคอนเสิร์ตที่มาพร้อมกับตู้ลำโพงนับร้อยใบ โดยจะมีคนควบคุม หรือคนมิกซ์เสียงนั่นเอง แต่สำหรับระบบเล็ก ๆ ที่ใช้อุปกรณ์น้อยชิ้น ก็ยังใช้มิกเซอร์อนาล็อก ซึ่งจะมีราคาประหยัด ถูก หาซื้อได้ง่ายในราคาย่อมเยา ซึ่งไม่จำเป็นต้องซื้อมิกซ์เซอร์ที่ฟังชั่นเยอะเกินความพอดี

เครื่องปรุงแต่งเสียง
หรือเครื่องปรับแต่งเสียง เช่น EQ อีควอไลเซอร์ (Equalizer), คอมเพรสเซอร์เสียง (Compressor), ครอสโอเวอร์ (Crossover), DSP (Digital Signal Processor) เครื่องปรับแต่งสัญญาณเสียงระบบดิจิตอล ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบเสียงดียิ่งขึ้น สามารถเปลี่ยนเสียงตู้ลำโพงที่ไม่ดีให้กลายเป็นเสียงดีได้ ลักษณะของเครื่องปรุงแต่งเสียงจะเป็นแท่นบาง ๆ มีปุ่มปรับเสียงอยู่ในแรคซ้อนกันเป็นตั้ง โดยจะทำหน้าที่ปรับแต่งเสียง

เพาเวอร์แอมป์
พระเอกของเรื่องในวันนี้คือ “เพาเวอร์แอมป์” นี่เลย เพาเวอร์แอมป์นับว่าเป็นหัวใจหลักของระบบเสียง ทำงานหนักที่สุดในระบบชุดเครื่องเสียง ในระบบเสียงแต่ละชุดจะใช้เพาเวอร์แอมป์แตกต่างกัน ทั้งขนาด จำนวน ใช้ตู้ลำโพงกี่ใบ ถ้าตู้ลำโพงเยอะ ตัวเพาเวอร์แอมป์ก็จะเยอะตามไปด้วย
เพาเวอร์แอมป์ ทำหน้าที่ในการขยายสัญญานให้มีกำลังมากพอที่จะทำให้ลำโพงมีเสียง เช่น เสียงจากไมโครโฟนที่ส่งสัญญาณเข้ามาอ่อน จะถูกขยายด้วยปรีไมค์ในมิกเซอร์ ถ้ากำลังยังไม่พอ ตัวเพาเวอร์แอมป์นี่แหละที่จะเข้ามาทำหน้าที่ในการเพิ่มกำลัง โดยกำลังของเพาเวอร์แอมป์นับเป็นวัตต์ ยิ่งวัตต์สูงก็ยิ่งทำให้เสียงจากตู้ลำโพงดังขึ้น

ตู้ลำโพง
ตู้ลำโพงเป็นอุปกรณ์สำคัญในการสร้างกำเนิดเสียง และสามารถบอกได้ว่าระบบเสียงที่ใช้นั้นมีคุณภาพดีและดังมากแค่ไหน ผู้ที่ชื่นชอบในระบบเสียง หรือคนที่ทำงานเกี่ยวกับอีเว้นท์หรือคอนเสิร์ตคงจะเคยได้ยินคำศัพท์ “ไลน์อาเรย์” คือการแขวนตู้ลำโพงในงานคอนเสิร์ตใหญ่ ๆ ที่เรามักจะเห็นตู้ลำโพงที่ถูกแขวนเรียงกันลงมาเป็นแถวแนวตั้งหลายใบหน้าเวทีทั้งซ้ายและขวา เพื่อให้เสียงที่ออกมานั้นกระจายครอบคลุมฮอลล์ที่ใช้ทำการแสดง

ได้ทำความเข้าใจพื้นฐานของระบบชุดเครื่องเสียงกันไปแล้ว เรามาลงรายละเอียดของพระเอกของเราในวันนี้กันต่อ นั่นก็คือ “เพาเวอร์แอมป์” เพาเวอร์แอมป์ที่นิยมใช้กันในปัจจุบันนี้มีกี่ประเภท

ประเภทของเพาเวอร์แอมป์

เพาเวอร์แอมป์ คลาส A
จัดว่าเป็นเพาเวอร์แอมป์คุณภาพดีที่สุด และกินไฟมากที่สุดเช่นกัน นิยมนำเพาเวอร์แอมป์ คลาส เอ นี้ มาใช้กับชุดเครื่องเสียงภายในบ้านเพราะให้กำลังวัตต์ต่ำ คลาส เอ เป็นเครื่องที่มีความเพี้ยนของเสียงต่ำ มีความเที่ยงตรงสูง ในขณะทำงานเพาเวอร์แอมป์ คลาส เอ จะกินไฟมากและมีความร้อนที่ตัวเครื่อง จึงจำเป็นต้องระบายความร้อนออกทำให้กินไฟมาก แต่ให้คุณภาพเสียงที่ดีกว่าคลาสอื่นๆ นิยมใช้กับเครื่องเสียง Hi-End และกำลังขยายต่ำๆ

เพาเวอร์แอมป์ คลาส B
เพาเวอร์แอมป์ คลาส บี ไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากสักเท่าไหร่ เนื่องจากคุณภาพเสียงไม่ค่อยดีมากนัก และแทบจะหาซื้อตามท้องตลาดไม่ได้แล้ว เพาเวอร์แอมป์ คลาส บี มีความเพี้ยนสูงมาก ต่อมาได้มีการออกแบบเป็นวงจรขยาย Push-Pull เพื่อแก้ไขวงจรชนิดนี้

เพาเวอร์แอมป์ คลาส AB
เพาเวอร์แอมป์ คลาส เอบี เป็นการนำเอาคุณสมบัติของเพาเวอร์แอมป์ คลาส เอ และเพาเวอร์แอมป์ คลาส บี มารวมกัน โดยทำหน้าที่ขยายสัญญาณระดับต่ำให้แรงขึ้นแบบการทำงานของเพาเวอร์แอมป์ คลาส เอ และส่งไปยังส่วนขยายของเพาเวอร์แอมป์ คลาส บี ถือว่านำข้อดีของเพาเวอร์แอมป์ทั้งสองคลาสมาผสมกัน ราคากำลังดีไม่แพงมาก ให้การขยายเสียงได้ดีและไม่กินไฟ จึงเป็นอีกรุ่นที่คนนิยมเล่นกัน

เพาเวอร์แอมป์ คลาส D
เพาเวอร์แอมป์ คลาส ดี จะคล้ายกับเพาเวอร์แอมป์ระบบดิจิตอล แต่เป็นการ Switching ของแบบ Analog นิยมใช้ลำโพงที่มีความถี่ต่ำ มีข้อจำกัดมากกว่าเพาเวอร์แอมป์ คลาส เอบี ความต่างของเพาเวอร์แอมป์ คลาส ดี คือ ไม่ได้กำหนดให้ใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ดิจิตอล เป็นการออกแบบมาเพื่อช่วยในการปรับปรุงประสิทธิภาพในการขยายเสียงแทนที่จะต้องเสียกำลังไปกับการระบายความร้อน เพาเวอร์แอมป์ คลาส ดี ไม่ได้ทำงานตลอดเวลา ความร้อนจึงค่อนข้างต่ำ

ประสิทธิภาพจะสูงกว่าเพาเวอร์แอมป์ คลาส เอบี แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่บ้างในเรื่องของการตอบสนองความถี่เสียงที่เหมาะสำหรับใช้งานกับตู้ลำโพงซับวูฟเฟอร์ แต่ไม่เหมาะกับการนำไปใช้กับตู้ลำโพงเสียงกลางและแหลม มีการพัฒนาเพาเวอร์แอมป์คลาส ดี นี้ให้มีประสิทธิภาพการทำงานที่สูงมากกว่าเมื่อก่อน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขยายกำลังให้ดียิ่งขึ้น ควรได้กับทรานซิสเตอร์ชนิดออสเฟท

เพาเวอร์แอมป์ คลาส E
เพาเวอร์แอมป์ คลาส อี จะทำงานคล้ายๆ กับ Switching สัญญาณจะไหลผ่านในระดับต่ำ เพื่อช่วยให้ความเพี้ยนของเสียงลดน้อยลง เรียกว่า ครอสโอเวอร์ ดิสทอร์ชั่น หรือ Switching Distrotion ซึ่งการออกแบบการจ่ายไฟค่อนข้างดี ทำให้เสียงที่ออกมามีคุณภาพสูง

เพาเวอร์แอมป์ คลาส G
เพาเวอร์แอมป์ คลาส จี มีระบบการทำงานพื้นฐานค่อนข้างใกล้เคียงกับเพาเวอร์แอมป์ คลาส เอบี แต่มีประสิทธิภาพเทียบเท่าเพาเวอร์แอมป์ คลาส ดี และเพาเวอร์แอมป์ คลาส อี การออกแบบวงจรภายในโดยการลดการสูญเสียแรงดันของทรานซิสเตอร์ เอาท์พุท มีความซับซ้อนมากกว่า

เพาเวอร์แอมป์ คลาส H
เพาเวอร์แอมป์ คลาส เอช ดีตรงค่าความร้อนน้อยกว่าเพาเวอร์แอมป์ คลาส เอ และ เอบี ภาคขยายเสียงยังคงเป็นคลาส เอบี แต่มีการเพิ่มแหล่งจ่ายไฟมากกว่า 2 ระดับ ซึ่งเป็นวิธีการแก้ไขความเพี้ยนของรอยต่อระหว่างการขยายเสียงสัญญาณของทรานซิสเตอร์ชุดล่างและชุดบนในรูปแบบของคลาส จี

เพาเวอร์แอมป์ คลาส S
เพาเวอร์แอมป์ คลาส เอส มีการทำงานของภาคการขยายเสียงแบบ Switching ที่มีการทำงานเปิด/ปิด อยู่ตลอดเวลา และจำเป็นต้องใช้วงจรกรองความถี่แบบ Low pass (เป็นวงจรที่ยอมให้สัญญาณความถี่ตั้งแต่ 0Hz ไปจนถึงความถี่ที่กำหนดให้ผ่านไปได้ โดยความถี่ในย่านสูงๆ นั้นต้องถูกลดทอนไปตามลำดับ

เพาเวอร์แอมป์ คลาส T
เพาเวอร์แอมป์ คลาส ที ถูกพัฒนาและออกแบบมาให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น โดยใช้ภาคประมวลผลสัญญาณแบบดิจิตอล ไตรพาส ทำให้วงจรทำงานได้กว้างและเต็มมากขึ้น ช่วงสัญญาณความถี่ ตั้งแต่ 20Hz-20KHz ซึ่งเป็นย่านเสียงที่หูของคนเราสามารถรับได้

เพาเวอร์แอมป์ คลาส ที ถือเป็นเพาเวอร์แอมป์ที่ถูกพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อมาอุด pain point ของเพาเวอร์แอมป์ คลาสก่อนๆ ที่ผ่านมา โดยเฉพาะเพาเวอร์แอมป์ คลาส ดี ที่มีจุดด้อยในเรื่องการตอบสนองความถี่เสียงย่านความถี่สูงๆ โดยได้ใช้ระบบดิจิตอลเข้ามาช่วยเพิ่มความถี่ของการทำงานแบบ Switching ทำให้ความถี่สูงขึ้น ตอบสนองความถี่ได้กว้างมากยิ่งขึ้นและมีประสิทธิภาพ ทำให้เพาเวอร์แอมป์ คลาส ที นี้ใช้งานได้ทั้งกับซับวูฟเฟอร์ กลางแหลม และเพาเวอร์แอมป์ คลาส ที ยังให้ประสิทธิภาพได้สูงกว่าเพาเวอร์แอมป์ คลาส เอบี อีกด้วย

จะเห็นได้ว่าเพาเวอร์แอมป์มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง เพื่ออุดข้อบกพร่องต่างๆ เพื่อให้มีความสมบูรณ์แบบมากที่สุด หลังจากที่ได้ทำความรู้จักเพาเวอร์แอมป์แต่ละคลาส และเทคโนโลยีของแต่ละคลาสกันไปแล้ว เรามาดูกันต่อว่า มีวิธีเลือกซื้อเพาเวอร์แอมป์ให้เหมาะกับตู้ลำโพงอย่างไร

วิธีเลือกซื้อเพาเวอร์แอมป์ให้เหมาะกับตู้ลำโพง

ดูที่ค่ากำลังวัตต์ของเพาเวอร์แอมป์ ต้องสูงกว่าตู้ลำโพง
หากต้องการเสียงดังแบบสะใจ ต้องดูจากค่ากำลังวัตต์ของเพาเวอร์แอมป์ต้องสูงกว่าค่ากำลังวัตต์ของตู้ลำโพง โดยต้องนำค่า Peak Power ของตู้ลำโพงมาเทียบด้วย และกำลังวัตต์ของเพาเวอร์แอมป์ต้องไม่สูงกว่ากำลังวัตต์ของตู้ลำโพงมากจนเกินไป เอาแบบที่พอดีๆ เพราะถ้าสูงมากเกินไปอาจทำให้ดอกลำโพงเกิดความเสียหายได้ ส่วนถ้าเลือกค่าวัตต์ต่ำเกินไป เสียงที่ออกมาจะไม่เต็มและจะทำให้เพาเวอร์แอมป์เกิดความร้อนและเสียหายได้

วัตถุประสงค์ในการใช้งาน
ต้องดูวัตถุประสงค์ที่เราจะซื้อไปใช้ว่าใช้เพื่ออะไร เช่น ใช้ตามงานคอนเสิร์ต อีเว้นท์ งานโชว์ที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ หรือใช้ในบ้าน บนรถ ที่มีพื้นที่จำกัด ทั้งนี้ผู้ซื้อต้องตั้งวัตถุประสงค์ในการซื้อเพาเวอร์แอมป์ก่อน เพื่อจะได้เลือกให้เหมาะกับการใช้งาน ศึกษา ค้นคว้า หาข้อมูลก่อนการตัดสินใจซื้อชุดเครื่องเสียง ระบบเสียงเพาเวอร์แอมป์ ไม่ว่าจะยี่ห้อไหนก็ตาม เราจำเป็นต้องมีการศึกษาหาข้อมูลก่อน ยิ่งมีข้อมูลในมือเยอะเท่าไหร่ยิ่งดี นั่นหมายความว่าเราจะสามารถจำกัดขอบเขตของรุ่นได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น นอกจากหาข้อมูลมาประกอบการตัดสินใจซื้อแล้ว การหารีวิวจากผู้ใช้จริงมาอ่านประกอบไปด้วยก็จะมีประโยชน์มาก เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับเราก่อนการตัดสินใจซื้อ

คุณสมบัติอื่นๆ
คุณสมบัติอื่นๆ เช่น ระบบระบายความร้อนสัมพันธ์กับเพาเวอร์แอมป์ของเราหรือไม่ ระบบการต่อวงจรเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเสียหายของตัวเครื่องขยายและตู้ลำโพง เป็นต้น มีการรับประกันและบริการหลังการขาย ข้อสำคัญของการเลือกซื้อเพาเวอร์แอมป์ หรือชุดเครื่องเสียง คือต้องซื้อจากตัวแทนจำหน่ายที่ได้มาตรฐาน เป็นที่ยอมรับ สินค้าต้องมีการรับประกัน มีบริการหลังการขาย หาซื้ออะไหล่ได้ง่ายจากตัวแทน


ที่ Audio2home เราเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า ยินดีให้คำแนะนำในการเลือกใช้อุปกรณ์ ชุดเครื่องเสียงทุกชนิด
จำหน่ายเครื่องเสียงแบรนด์ชั้นนำมากมาย เช่น Mixer Yamaha, ลำโพง TOA, ลำโพง Bosch พร้อมอุปกรณ์เครื่องเสียงชนิดต่าง ๆ เช่น เพาเวอร์แอมป์ มิกเซอร์ ไมโครโฟนไร้สาย ไมค์ประชุม ระบบเสียงประกาศ ตู้ลำโพง และอุปกรณ์โปรเจคเตอร์ ท่านสามารถสอบถามราคา โปรเจคเตอร์ อุปกรณ์ชุดเครื่องเสียง และเลือกชมสินค้าของเราได้ที่ www.audio2home.com เรามีทีมงานคอยให้คำแนะนำสินค้าและบริการโดยทีมงานมืออาชีพ ที่สำคัญซื้อชุดเครื่องเสียงกับเรา ราคาไม่แพงอย่างที่คิด

ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อรับโปรโมชั่นสุดพิเศษจากเราได้ที่

Tel : 02-996-4400, 02-107-5018, 081-642-1188
Email : sale@thetrons.co.th
LINE : @audio2home
Facebook : audio2home